ต้น: ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 15 - 20 เมตร เรือนยอดค่อนข้างกลม แตกกิ่งตามแนวนอนเป็นชั้นเปลือกสีเทา ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับ กว้าง 8-15 เซนติเมตร ยาว 12-25 เซนติเมตร ปลายใบเป็นติ่งแหลมอ่อน โคนใบสอบแคบเว้า และมีต่อม 1 คู่ แผ่นใบหนา มีขนนุ่ม ขอบใบเรียบ ดอก: ดอกเล็ก สีขาวนวล ออกเป็นช่อตามง่ามใบบริเวณปลายกิ่ง ออกดอก กุมภาพันธ์ – เมษายน ผล: รูปไข่หรือรีป้อมและแบนเล็กน้อย กว้างประมาณ 2 -5 เซนติเมตร ยาว 3-7 เซนติเมตร สีเขียว เมื่อแก่จะแห้งเป็นสีดำคล้ำ
เปลือกและผลมีรสฝาดมาก ใช้แก้ท้องเสีย ย้อมหนังสัตว์ ทำหมึก เมล็ดในผลรับประทานได้ ให้น้ำมันคล้ายน้ำมันอัลมอนด์
กุ๊ก (เหนือ) หวีด (เชียงใหม่) กอกกั๋น (อุบลราชธานี) ช้าเกาะ ช้างโน้ม (ตราด) ตะคร้ำ
Lannea coromandelica (Houtt.) Merr.
ต้น: ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่งๆ เปลือกสีเทาอมเขียวหรือขาวปนเทา เรียบหรือแตกเป็นแผ่นๆห้อยย้อยลง ใบ: ใบประกอบแบบขนนก ออกเป็นช่อเรียงสลับช่อหนึ่งมีใบย่อย 2-7 คู่ รูปไข่แกมรูปหอก โคนเบี้ยวปลายเป็นติ่งยาวทู่ๆ เนื้อใบค่อนข้างหนา หลังใบเกลี้ยง ท้องใบมีขนประปราย ขอบเรียบ ดอก: ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้โตกว่าเพศเมียเล็กน้อยสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามง่ามใบตอนปลายกิ่ง กลีบดอกส่วนมากมี 4 กลีบ ผล: มีขนาดและลักษณะคล้ายถั่วเมล็ดแข็ง
ไม้ใช้ทำกระดานพื้น ฝา เครื่องเรือน เปลือกเป็นยาใส่แผล แก้ปวดท้อง ทำเชือกและทุบทำเป็นผืนสำหรับปูบนหลังช้าง ให้สีน้ำตาลใช้ย้อมผ้า หนัง ฯลฯ และให้น้ำฝาดชนิด Pyrogallol และ Catechol แก้เสมหะเหนียว แก่นมีรสฝาด ปรุงเป็นยาทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ
ต้น: เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มเป็นรูปปิรามิดแคบๆ สูงเต็มที่ได้ถึง 25 เมตร กิ่งโน้มลู่ลงทั้งต้น ทำให้แลดูต้นสูงชลูดมาก เปลือกต้นเกลี้ยงสีเทาเข้มหรือเทาปนน้ำตาล ใบ: ใบเดี่ยว รูปใบหอกแคบๆ ปลายแหลม ยาว 15- 20 เซนติเมตร สีเขียวเป็นมันเงา ขอบใบเป็นคลื่น ดอก: ดอกสีเขียวอ่อน ออกเป็นช่อกระจุกตามข้างๆกิ่ง มีกลีบดอก 6 กลีบ ดอกเป็นคลื่นน้อยๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5- 2 เซนติเมตร ผล: ผลกลุ่ม รูปไข่ ยาว 2 เซนติเมตร เมื่อสุกสีดำ
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ